สามีมุ่งสู่แนวหลัง ส่วนฉัน...มีคนส่งขึ้นรถไฟไปแนวหน้า...

.........
ในวันที่เกิดกรณี
6 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2519 ฉันและคุณอนุชสามีโบกมือบ๋ายบายลูกน้อยที่นั่งอยู่บนตักพี่เลี้ยง
ถอยรถออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ คุณอนุช แวะส่งฉันที่ออฟฟิศแถวสี่แยกพญาไท
แล้วตัวเองก็ขับต่อไปที่ออฟฟิศของตัวเองเหมือนทุกวัน ตอนนั้นฉันทำงานประจำกองบรรณาธิการฝ่ายข่าวต่างประเทศ
หนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน (ที่ต้องปิดตัวเองไปหลังกรณี 6 ตุลา
เพราะเป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่ถูกเพ่งเล็ง คู่ๆ
กับหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยที่สามีของฉันทำงานอยู่ในตอนนั้น
ซึ่งก็ถูกปิดไปด้วยเช่นกัน) เจ้าของประชาชาติขณะนั้นคือคุณขรรค์ชัย บุนปาน นั่นเอง
พอถึงออฟฟิศ
ฉันได้เห็นภาพสะเทือนขวัญผ่านทางรายงานข่าวโทรทัศน์ รวมทั้งมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ
มีคนหน้าตาแปลกๆ เข้ามาในสำนักงาน หลายคนจับกลุ่มพูดคุยกันในบรรยากาศเครียดๆ
สักพักก็มีคนมาบอกว่า
สถานการณ์ไม่ดี ต้องออกจากออฟฟิศแต่ห้ามกลับไปที่บ้าน เพราะจะมีการกวาดล้าง
(ซึ่งฉันทราบภายหลังว่า มีเจ้าหน้าที่ไปถึงที่บ้านมาตามหาตัวคุณอนุชโดยบอกที่บ้านว่าจะพาตัวไป
“ช่วยชาติ” และได้ขนเอาหนังสือในห้องสมุดที่บ้านไปเป็นคันรถ
จนบัดนี้ก็ไม่ได้เอามาคืน ส่วนใหญ่เป็นหนังสือสะสมที่ซื้อหาจากงานออกร้านขายหนังสือบ้านเรานี่เอง
เช่น งานรวมของเลนิน เป็นชุดใหญ่ปกแข็งอย่างดี เป็นต้น ในวันนั้นคุณแม่ตกใจถึงกับเป็นลมไป)
จากออฟฟิศมีคนมาพาฉัน
และคุณเสถียร (จันทิมาธร) ซึ่งมีตำแหน่งใหญ่อยู่ที่นี่ด้วย ไปหลบอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งย่านชานเมือง
ต่อมามีสมาชิกเข้ามาร่วมอีกคนคือ คุณพรพิไล เลิศวิชา หรือ “สหายนที”
(ซึ่งต่อมาเราก็เดินทางไปไหนไปกันสามคนจนถึงแนวหน้า) ที่บ้านหลังนี้มีคนส่งข้าวส่งน้ำให้เรา
ตอนกลางวันอยู่ในบ้านเคลื่อนไหวเงียบเชียบ ห้ามพูดคุยออกเสียง ไม่ใช้ชักโครก
เพื่อให้ดูเหมือนไม่มีคนอยู่ในบ้าน เราหลบซ่อนอย่างเงียบเชียบอยู่ที่นี่ประมาณ 1 สัปดาห์ ไม่ค่อยรู้ข่าวอะไร
ได้ยินกระเส็นกระสายว่ามีการติดตามจับกุมผู้คนที่ถูกหมายหัวว่าเป็น “ซ้าย” ไปมากมาย
มีการเอาหนังสือฝ่ายซ้ายซึ่งได้รับการตีพิมพ์ออกมาจำนวนมากในช่วงหลังกรณี 14 ตุลา 2516 มากองสุมแล้วจุดไฟเผา เผา เผา จนวอดวาย
ฉันได้รับทราบในภายหลังว่า
หลังจากมีคนพาฉันและคุณเสถียรออกจากออฟฟิศได้ไม่นาน สามีของฉันก็ขับรถมาที่นั่น
เราไม่เจอกัน ทราบจากการบอกเล่าของคนที่ดูแลกลุ่มพวกเราที่บ้านหลบภัยว่า คุณอนุช
ปลอดภัยแล้ว เท่านั้นฉันก็เบาใจโล่งใจบอกไม่ถูก
เพราะฉันรู้ว่าสามีถูกเพ่งเล็งและมีสันติบาลเฝ้าติดตามเขาอยู่ตลอด
ในช่วงนั้นเขาเป็นคนเขียนบทนำให้กับหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย และหลังจากนั้นก็ทราบข่าวว่าเขาได้เดินทางเข้าป่าทางภาคเหนือเพื่อไปสู่แนวหลัง
ส่วนฉัน
(พร้อมทั้งคุณเสถียรและคุณพรพิไล) หลังจากหลบอยู่ในบ้านนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ ก็มีคนพาไปขึ้นรถไฟสายใต้มุ่งสู่แนวหน้า
เขตการเคลื่อนไหวของคอมมิวนิสต์ถ้าจำไม่ผิดคืออยู่ในเขตอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ที่มีเพื่อนของเราที่เคยทำงานด้วยกันใน กทม. ล่วงหน้าเข้าไปก่อนแล้ว
ตอนนั้น
ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากตามประสาพวกโลกสวย มโนเอาว่าเราจะได้เห็นทหารของประชาชน
เป็นความหวังใหม่ โอ...เราจะได้สังคมใหม่ประเทศไทยใหม่ที่ไม่มีเผด็จการอีกแล้ว
ทุกคนจะเสมอภาคเท่าเทียมกัน สังคมที่ก้าวหน้าจะบังเกิดขึ้นแล้ว....
ช่างอ่อนหัดและไร้เดียงสาเสียนี่กระไรเลย///
No comments:
Post a Comment