ช่างสวยงามราวกับเดินอยู่บนสรวงสวรรค์
![]() |
ขอบคุณภาพจากเน็ตค่ะ |
ภาพที่ฉันพอจะจำได้ตอนที่นั่งรถเพื่อเข้าสู่เขตฐานที่มั่นของคอมมิวนิสต์ไทยที่อยู่บริเวณรอยต่อ
3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เลย และเพชรบูรณ์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นฐานที่มั่นใหญ่นั้น
มีผู้ร่วมเดินทางไปพร้อมกับเราทั้งสามคนอีกหลายคนค่ะ
จำได้ว่ามีคนที่พาเด็กวัยสักประมาณ
6-8 ขวบไปด้วย... โอ้,
ถ้าลูกเราโตขนาดนี้ เราจะพาเค้ามาด้วยแบบนี้ไหมหนอ....?? และแล้วฉันก็ต้องหยุดคิดและ...ในที่สุดก็เลิกคิดไปเลย...!
เมื่อรถหยุดจอดและผู้ที่มาส่งเราบอกว่าถึงที่แล้วให้ลงจากรถ...
จำได้ว่าคณะของเราลงจากรถแล้วพากันวิ่งแบบก้มตัวมุดๆ ตามคนที่นำเข้าข้างทางผ่านป่าละเมาะที่มีต้นสาบเสือขึ้นอยู่เต็ม
จำแม่นเพราะกลิ่นดอกสาบเสือฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ สักพักหนึ่งเราก็ได้มาพบเจอกับ “สหายนักรบ”
หรือที่เรียกตัวย่อว่า “ทปท.” (ทหารแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย – ชื่อเต็มๆ
ค่ะ) แต่งชุดทหารเต็มยศ สะพายปืนอาก้า รองเท้ายางและหรือผ้าใบหุ้มข้อ สวมหมวกดาวแดง...
เท่ห์สุดๆ ค่ะ
แนะนำตัวกันแล้วก็ทราบว่า
พวกเขาจะมานำพาคณะของเราเดินทางขึ้นไปสู่ฐานที่มั่นที่อยู่บนภูเขาอีกต่อหนึ่ง... หลังจากนั้นก็พากันเดินไปตามทางที่ยังต้องเดินย่องๆ
ไปแบบลับๆ ล่อๆ เราต้องเดินสลับกับการนั่งหมอบหลบวูบๆ วาบๆ เป็นระยะๆ
โดยปฏิบัติตามการส่งสัญญาณของ เหล่า ทปท. ที่นำทางเราบอกทุกอย่าง
รายละเอียดต่างๆ
ฉันจดจำอะไรได้ไม่มากนัก แต่มีที่ไม่ลืมจนถึงวันนี้ก็คือ (1) ความสุภาพอ่อนน้อม มีระเบียบ และเรียบร้อยของทหาร
ใช้วาจาสุภาพทั้งระหว่างกันเองและกับสหายทั่วไป เหมือนได้รับการฝึกมาอย่างดีเลยค่ะ
(2) สำเนียงพูดของเหล่า ทปท. รวมทั้งคำศัพท์ที่ใช้ก็แปลกออกไปจากที่เราคุ้นเคยหรือพูดกันทั่วไป
ซึ่งทราบในเวลาต่อมาว่า สหายเป็นชาวชนชาติม้งนั่นเอง และ (3) กลิ่นค่ะ กลิ่นโดดเด่นที่ลอยมาเตะจมูกของฉันนับตั้งแต่พบกลุ่มทหาร
ทปท. และตลอดการเดินทางคือ “กลิ่นควันไฟ” ค่ะ ซึ่งก็มาทราบหลังจากนั้นว่า
สหายเหล่านี้จะซักและตากเสื้อผ้าไว้ใกล้กองไฟเพื่อช่วยอบให้เสื้อผ้าแห้ง
เพราะบางทีฝนตกอากาศชื้น ดังนั้น
เสื้อผ้าของสหายจึงมีกลิ่นพิเศษเหมือนแซลมอนรมควันเลยนั่นเอง... น่ารักจริงค่ะ
ที่นอนของเราในคืนวันแรกก็คือ
บ้านน้อยบนภูเขาในเขตฐานที่มั่นปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ณ บริเวณเขตรอยต่อสามจังหวัด
คือ พิษณุโลก เลย และเพชรบูรณ์นั่นเอง ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืดด้วยเสียงที่ไม่คุ้นหู
มันเป็นเสียงโหยหวนของหมูที่ดังแหวกอากาศในความมืดอยู่เป็นเวลานานทีเดียวค่ะ...
จากการพูดคุยและบอกเล่าของสหายว่า
มักจะมีการจับตัวพวกสปายที่แฝงตัวเข้ามาสืบความลับบนฐานที่มั่น และต้องจัดการสำเร็จโทษกันอยู่บ่อยๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ก็เพิ่งจับตัวได้อีกก็โดนสำเร็จโทษไป... ฮือออ... ไม่ปลอดภัยไม่ว่าอยู่ที่ใด...
![]() |
ขอบคุณภาพจากเน็ตค่ะ |
แต่ก่อนอื่นต้องไปคารวะรายงานตัวต่อสหายนำของสำนักก่อนค่ะ
มีการแนะนำตัวสหายอาวุโสในสำนักหลายท่าน... นี่สหายเล่า...
เป็นคำนำหน้าตามด้วยชื่อจัดตั้งที่ทุกคนรู้จักและเรียกกันจนติดปาก รับรู้ทั่วกันจนถึงแนวหน้าแนวหลัง
หลายท่านเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยชื่อดังของไทย เข้ามาตั้งแต่ยังหนุ่มสาว
(กว่านี้) ขณะที่เราพบพวกเขาก็อาวุโสมากแล้ว ที่จำได้จนถึงวันนี้ก็คือสหายอาวุโสเหล่านั้นเกือบทุกคนรู้จักสามีของฉัน
บอกว่าเขา (สามีฉัน) ก็ผ่านมาพักที่นี่เหมือนกัน...
สหายหญิงอาวุโสคนหนึ่งบอกว่า
เธอเป็นศิษย์เก่าเรียนคณะเดียวกันกับสามีของฉันด้วย
ฉันยกมือไหว้เธอผู้นั้นอย่างนอบน้อม เพราะเธอก็เป็นรุ่นพี่ของฉันด้วยเหมือนกัน...
โอ...
มาต่อสู้ในป่าเขาจนกลายเป็นสหายอาวุโสขนาดนี้เลยนะคะเนี่ย...!!
บรรยากาศในโรงอาหารคึกคัก
สหายทุกคนต่างรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย รวมทั้งฉันด้วย
เพราะวันนี้มีเมนูที่ประกอบด้วยเนื้อหมูและผักจากไร่สดๆใหม่ๆ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเพื่อต้อนรับพวกเราที่เพิ่งขึ้นมาเป็นพิเศษพร้อมกันไป...
โอ...
อาหารสดใหม่ ที่พักแบบธรรมชาติและอากาศสดใสบริสุทธิ์...
ที่สำคัญ
ไม่ได้ยินเสียงปืนครกเลยค่ะ!///
No comments:
Post a Comment