Thursday, October 9, 2014

อันเนื่องมาจาก “กรณี 6 ตุลา”... รำลึกชีวิตที่รอนแรมในขบวนการต่อสู้ (2)

โอ้ – ในที่สุดก็ได้พบแล้ว-ทหารของประชาชน

การเดินทางเข้าเขตการเคลื่อนไหวของคอมมิวนิสต์ เป็นเหตุการณ์เรื่องราวหลากรสชาติที่ “อยากลืมกลับจำ” จริงๆ ค่ะ ยิ่งเป็นอะไรที่ต้องปิดลับๆ ล่อๆ มีการส่งสัญญาณรูปแบบต่างๆ ราวกับอยู่ในหนังแอคชั่นสนั่นโรง / น่าตื่นเต้นค่ะ
หลายคนอาจจะเขียนถึงไว้บ้างแล้ว... เพื่อนๆ ที่เข้าไปที่เดียวกันคงผ่านอะไรเหมือนๆ กันนะคะ ส่วนเพื่อนที่ไม่ได้ผ่านตรงนี้มา พยายามหลับตานึกถึงภาพตามนี้เลยค่ะ
(1) ภาพรถไฟสายใต้ตั๋วชั้นสามขบวนรถนั่งตลอดถึงที่หมายเช้าพอดี แต่ที่นั่งไม่มีๆ แม้แต่ที่ให้หยั่งเท้าลงไป ขอแค่ข้างเดียวก็ยังยาก แถมเรายังหอบหิ้วสัมภาระสิ่งของมาไม่น้อย โดยเฉพาะผ้าห่มนอนสำลีนุ่มหนาสีชมพูผืนใหญ่คนละผืน ก็หาที่วางแสนยาก ฉันโชคดีช่วงหนึ่งมีโอกาสได้หย่อนก้นลงบนที่เท้าแขนของเก้าอี้ที่มีคนนั่งซ้อนทับกันอยู่อย่างเต็มพื้นที่ พอได้หลับนก (ฮูก) ไปนิดหน่อย นี่คงเป็นเพราะต้องการปิดลับลวงพลางให้เรากลมกลืนไปกับมวลชนอันไพศาลนั่นเอง
(2) ภาพสถานีรถไฟปลายทางและชายหนุ่มร่างกำยำที่ขี่มอเตอร์ไบค์เก่งที่สุดในสามโลก หลังจากส่งสัญญาณจนแน่ใจว่าใช่เราแน่แล้ว ก็สามารถพาเราซ้อนท้ายขี่ฉวัดเฉวียนผ่านทางเกวียนทางวัวทางควายไม่มีทางเป็นป่าดิบรกทึบ ขึ้นเนินลงเนินที่เป็นดินเหนียวน้ำแฉะลื่นกว่ากระดานลื่นเด็กเล่น รวมทั้งผ่านหล่มหลุมบ่อโคลนเละตุ้มเป๊ะขนาดควายนอนแช่ไปได้อย่างง่ายดาย ถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าของเทพเจ้าซุสแห่งเทือกเขาโอลิมปัสฟาดเปรี้ยงเดียวถึงที่เลยค่ะ ฉันตะคริว (แดก เอ้ย/ กิน เอ๊/ รับประทานสิ) ขาเพราะมันหลุดจากที่วางด้านข้างแล้วเอากลับขึ้นมาอีกไม่ได้เลย ถึงแล้วโล่งใจไม่ว่ากัน ยกนิ้วให้ด้วยขอบคุณค่ะ แต่ไม่กล้าบุ่มบ่ามให้ทิป
(3) ภาพบ้านมวลชนพื้นราบที่น่ารักสุดแสน ที่ให้เราเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระกายเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ผลัดชุดเก่าที่มอมแมมมะล็อกมะแล็กออกไป และที่สำคัญให้เรารับประทานอาหารเช้าด้วยเมนูอาหารท้องถิ่นสไตล์โฮมสเตย์ เป็นอาหารปักษ์ใต้มื้อแรกที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมา คุณน้าพูดคุยกับเราด้วยน้ำเสียงเบา และราบเรียบ ช่วยปลอบประโลมให้เราหายตื่นเต้นตกใจได้อย่างมาก เสร็จแล้วจึงมีชายวัยกลางคน น่าจะเป็นสหายจากค่ายที่รับมอบหมายมาพาเราเดินขึ้นเขานั่นเอง
(4) ภาพเส้นทางเดินลดเลี้ยวเคี้ยวคดที่มีแต่ขึ้น เราเดินตามคุณลุงไปเรื่อยๆ เหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด เดินไปคุยไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก คุณลุงท่าทางสุขุมใจเย็นไม่รีบร้อน และแสดงความเมตตาเห็นอกเห็นใจเราที่ไม่คุ้นเคยกับการเดินขึ้นเขาเช่นนี้ตลอดทาง
(5) ภาพทหารป่า หลังจากเดินไปเป็นนานสองนาน ประมาณสองสามชั่วโมงการเดินในอัตราความเร็วที่น่าจะต่ำลงเรื่อยๆ ขณะที่คืบคลานสูงขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสได้จากไอเย็นและความชื้นรวมทั้งต้นไม้ที่หนาทึบขึ้น ถึงตอนหนึ่งเราอดรนทนไม่ไหว เลยขอถามคุณลุงเรื่องทหารป่าว่า เราจะได้พบเจอพวกเขาไหม ที่ไหนอย่างไร คุณลุงก็บอกว่า อ้อ/ สหายก็ได้พบพวกเขาเรื่อยๆ อยู่แล้ว หากอยู่ที่ราบก็อาจจะแยกไม่ออก คนที่ขี่มอเตอร์ไบค์มาส่งเราก็อาจจะใช่ //โอ้ // จริงเหรือนี่!
“เดี๋ยวก็เจอ แถวๆ นี้ก็มีนะ” คุณลุงบอก เพราะ “นี่ก็เกือบถึงค่ายแล้วครั่บ”
โอ้โฮ! ฉันตื่นเต้นตูมตามมาก อยากได้เห็นเป็นขวัญตาสักหน่อย จะเท่ห์เหมือนที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ไหม จะเหมือนแบบ “เช” (เช เกวาร่า) นายแพทย์นักปฏิวัติชาวอาร์เจนติน่า ที่เป็นไอดอลคนหนึ่งของพวกฝ่ายซ้ายไหมหนอ???
เดินตามกันมาอีกสักพัก คุณลุงก็ส่งสัญญาณว่ามีนักรบของเรายืนอยู่บริเวณหลังต้นไม้ใหญ่ ห่างจากเราไปสักสี่ห้าเมตร ลุงตะโกนส่งภาษาใต้ความหมายว่าสหายมาจากในเมือง อยากทักทาย โหย... เราจ้องไปที่แมกไม้นั้นตาไม่กระพริบเลย ใจเต้นตุ๊บๆ เห็นเงาแว่บๆ ของสุภาพบุรุษนายหนึ่ง ดูเหมือนจะสะพายปืนยาวไว้บนไหล่ ...เมื่อได้ยินเสียงลุง เขาก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากแมกไม้โบกมือทัก หุ่นล่ำสันผิวคล้ำตัวไม่สูงนัก เผยให้เห็นมัดกล้ามบนแผงไหล่และแผ่นอกชัดเจนมาก

ที่เห็นรายละเอียดชัดเจนก็เพราะว่า... นักรบของประชาชนท่านนี้เค้าไม่ได้ใส่เสื้ออยู่นั่นเอง/ 
น่ารักสุดๆค่ะ//

No comments:

Post a Comment