Tuesday, October 21, 2014

อันเนื่องมาจาก “กรณี 6 ตุลา”... รำลึกชีวิตที่รอนแรมในขบวนการต่อสู้ (11)

ฉันเลือก... ความสำนึกในบุญคุณ

ขอบคุณภาพจาก Pinterest
ตัดฉากมาที่นี่เลย เพื่ออยากบอกให้รู้ว่า ในที่สุดในช่วงเวลาราวกลางๆ ปี 2521 ฉันก็ได้เดินทางมาบรรจบพบกับสามีที่สำนักแห่งหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยที่ตั้งอยู่ ณ เมืองคุนหมิง ในมณฑลยูนนาน ทางภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยใช้เวลาในการเดินทางรอนแรมอยู่อีกประมาณ 2-3 เดือนค่ะ
คราวนี้มีฉันเดินทางรอนแรมอยู่เพียงคนเดียวแล้วค่ะ... Lonely Planet เดินทางโดดเดี่ยวเทียวไปในป่าเขาเลยค่ะ ไม่มีหมู่คณะ ไม่มีน้อง ไม่มีพี่ที่เป็นอย่างเราๆ มีแต่สหายอ้ายน้องลาวที่มารับช่วงต่อๆ กันเป็นทอดๆ...
เส้นทางที่ฉันข้ามผ่านคราวนี้ ดูตามแผนที่ในรูปนั้นโดยประเส้นเชื่อมจากปากแบ่งเบี่ยงออกไปทางแขวงอุดมไชย (? ไม่แน่ใจน่ะค่ะ) จำได้ว่าผ่านเมืองลา ซึ่งมีสำนักใหญ่แห่งหนึ่งของเราอยู่ที่นั่น ก่อนไปเชียงรุ้ง แล้วจึงต่อไปจนถึงคุนหมิงโดยเครื่องบินนั่นเองค่ะ (อย่างไรก็ตาม เส้นทางที่เดินจริงๆ อาจไม่ตรงเป๊ะเหมือนในภาพนัก เพราะผ่านเวลามาเกือบ 40 ปีก็อาจจะคดเคี้ยวอ้อมไปอ้อมมามากกว่าก็เป็นได้นะคะ)
ระหว่างการเดินทางและพักแรมระหว่างทาง ซึ่งมักจะได้พักตามบ้านที่เหมือนจัดไว้โดยเฉพาะ มาคนเดียวก็พักคนเดียวทำนองนั้น บางแห่งพักอยู่นาน บางแห่งก็พักไม่กี่วันตามเส้นทางเหล่านั้น ฉันพยายามไม่คิดอะไรเลย ทำจิตใจให้ว่างเปล่าและตอบสนองเฉพาะสิ่งที่ตั้งวางอยู่ตรงหน้าเท่านั้น... ตลอดการเดินทาง ฉันเกือบไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ เพราะผู้ที่เป็นคนพาฉันเดินทางไปส่วนใหญ่เป็น “อ้ายน้องลาว” ที่แต่งตัวแบบพลเรือนเดาว่าน่าจะเป็นผู้ปฏิบัติงานในระดับท้องถิ่นของพรรคคอมมิวนิสต์ลาว พวกเขาสุภาพเรียบร้อยมีมารยาทเยี่ยงผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี เขาได้ดูแลการเดินทาง ที่พัก อาหาร และได้ส่งต่อฉันเป็นทอดๆ ไปจนตลอดรอดฝั่ง... สาธุ... น่ารักน่านับถือจริงๆค่ะ
ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังการเดินทางครั้งนี้ ฉันขอซาบซึ้งในบุญคุณค่ะ/
ขณะเดินทางฉันยังคงสวมเสื้อผ้าชุดคล้ายทหาร –ชุดเก่งของฉัน- เพียงแต่ไม่ได้คาดบิดง (เข็มขัดที่มีบิดง คือหม้อแฝดใส่อาหารห้อยอยู่ข้างหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ฉันมักใส่ข้าวเหนียวจนอัดแน่นทุกวัน แหะๆ ..ไม่ใช่เข็มขัดปืนค่ะ) อาหารส่วนใหญ่ที่ฉันรับประทานระหว่างเดินทางโดดเดี่ยวเที่ยวนี้ ส่วนใหญ่เป็นอาหารกระป๋อง จำพวกเนื้อสัตว์ ดูที่ข้างกระป๋องส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศแถบยุโรปตะวันออก เมื่อก่อนก็เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตนั่นละค่ะ จำได้มีอยู่ช่วงหนึ่งกินตับบดกระป๋องเกือบทุกวัน เป็นตับบดกระป๋องมาจากฮังการีทีเดียวเลยค่ะ 
ชาวลาวที่พบเห็นฉันระหว่างทาง มักจะทักว่าฉันเป็น “คนจีน” เพราะเขาดูที่ทรงผม ว่าฉันไว้ผมซอยสั้นแบบคนจีน ผู้หญิงลาวโดยทั่วไปยังคงไว้ผมยาวเกล้ามวย ทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ ตามหมู่บ้านชายแดนแบบนั้น และ ตามเส้นทางที่รถแล่นผ่าน ก็มักจะพบสถานีซ่อมสร้างถนนที่มีคนจีนทำงานอยู่เป็นระยะๆ ...
ช่วงที่ฉันได้ขึ้นรถโฟร์วีล ที่สหายอ้ายน้องขับผ่านถนนที่ลัดเลาะป่าเขาไปเรื่อยๆ (น่าจะเป็นช่วงที่เดินทางจากเมืองลาไปเชียงรุ้ง – เดานะคะอาจจะผิด) เป็นระยะการเดินทางที่ค่อนข้างยาวนานพอสมควร วิวสวยมากตลอดทางค่ะ ฉันมองวิวข้างทางตาไม่กระพริบ ถ้าฉันเป็นศิลปินวาดภาพที่เห็นระหว่างนั้น ภาพวาดของฉันจะออกมาคล้ายภาพลายเส้นแบบโบราณของจีนที่เราเห็นเป็นวิวต้นไม้ริมหุบเขาสูงที่มีลำต้นคดงอแต่ใบแผ่ขยายรับแสงอาทิตย์มีเมฆสีขาวคลอเคลียร์ตัดกับสีเขียวของใบและสีเทาอมครีมของกิ่งก้าน มองต่ำเป็นหุบเหวลึกลงไปเบื้องล่างบางครั้งก็ได้เห็นน้ำในลำธารที่ไหลรินๆ บ้าง ซ่าๆ เป็นฟองขาวเมื่อผ่านโขดหินบ้าง และมองสูงขึ้นไปผ่านช่องใบและผ่านยอดไม้ เห็นยอดเขาลิบๆ กับก้อนเมฆ ... คล้ายๆ แบบนี้ละค่ะ สวยคลาสสิกมากฉันว่านะ//
ปลายทางของฉันครั้งนั้นคือสำนักที่เป็นที่พำนักและปฏิบัติงานของทีมงานที่ผลิตรายการออกอากาศของวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย ของพรรคคอมมิวนิสต์ไทย หรือเรียกย่อๆ กันว่า สปท. นั่นเอง ส่วนแหล่งที่ออกอากาศปิดลับมาก ถึงเวลาก็จะมีคนมารับเทปไป จนถึงทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่ทราบว่ารายการทั้งหมดออกอากาศจากที่ไหน และไม่อยากเดาไม่เคยถามไม่รู้ดีกว่าค่ะ //
(แต่กระนั้น เวลาได้เดินทางออกจากสำนักไปที่ไหนก็ตาม ฉันมักจะแหงนมองสอดส่ายสายตาจนคอตั้งบ่าว่า อาจจะเห็นเสาวิทยุออกอากาศอยู่ตามภูเขาที่รถผ่านไป... ก็แห้วตลอด!)
นอกจากสามีแล้วฉันก็ได้พบสหายอีกหลายคนที่มาจากในเมืองและเข้ามาร่วมงานกันที่นี่...ค่ะ
และ...นอกจากความตื่นเต้นแล้ว ...ที่บ่าล้นอยู่ภายในใจของฉันคือ ความสำนึกในบุญคุณทุกคนทุกภาคส่วนที่ได้อุตส่าห์ส่งให้ฉันได้มาจนถึงตรงนี้อย่างครบถ้วนทั้งกายใจ

รู้สึกตื่นเต้นและซาบซึ้งจริงๆ ค่ะในตอนนั้น///

No comments:

Post a Comment