Sunday, October 19, 2014

อันเนื่องมาจาก “กรณี 6 ตุลา”... รำลึกชีวิตที่รอนแรมในขบวนการต่อสู้ (10)

โรงเรียนการเมืองการทหารสำนัก 61 อันเลื่องลือ...

ขอบคุณภาพหญิงชาวลั๊วะจากอินเทอร์เน็ตค่ะ
มาถึงวันนี้ ฉันยังอยากจะกล่าวคำว่าขอโทษและขอบคุณ “สำนัก 61” ที่สามารถรับมือกับนักเรียน (โข่ง) ที่เสียคิดมาจากในเมืองอย่างฉันจนกระทั่งตลอดรอดฝั่งไปได้... โดยเฉพาะในการโน้มน้าวให้ฉันเต็มใจเข้าเป็นนักเรียน “รุ่นแรก” ณ โรงเรียนการเมืองการทหารแห่งนี้ซึ่งกินเวลาประมาณ 6-8 เดือน... ฉันเสียคิดเมื่อฉันได้รับรู้จากสหายที่เจอกันที่กลางทางว่า ฉันยังจะต้องมาเข้าโรงเรียนก่อน เพราะนั่นมันทำให้ใจของฉันที่บินเตลิดล่วงหน้าไปไกลแล้ว หมดแรงร่วงลงกลางทางอย่างสิ้นท่า...นั่นเอง... ฉันรู้ว่า ณ เวลานั้นมีคนน้อยมากที่จะเข้าใจภาวะจิตใจของฉัน ทุกคนก็จะมองว่าฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วและก็มักจะคิดว่าฉันควรจะเรียกร้องตัวเองมากกว่าคนอื่นๆ แต่ทุกคนก็ลืมไปว่าฉันไม่มีฐานะอะไรในองค์กรจัดตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์ ฉันไม่คุ้นเคยกับ “จัดตั้ง” อะไรพวกนั้นเท่าไหร่เลย...
อย่างไรก็ดี ฉันก็ได้ใช้ความพยายามซ่อมสายป่านของตนมาตลอดทางก่อนถึงสำนัก...
แต่เมื่อฉันได้มาถึงสำนัก เมื่อฉันได้พบกับสหายอาวุโสที่เป็นเจ้าสำนัก ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นคนภาคกลางพูดสำเนียงเสียงเบาสุภาพมาก แว่บหนึ่ง/ สหายท่านนั้นทำให้ฉันคิดถึงบิดาของตัวเองอย่างมาก “สหายต้องเข้าโรงเรียนสักหน่อยนะ ทุกคนก็ควรต้องผ่านจากที่นี่เหมือนๆ กันก่อน ใช้เวลาไม่เท่าไหร่หรอก”... จำได้ว่าคำพูดนั้นธรรมดามากแต่ท่าทีต่างหากที่ไม่ธรรมดา ฉันรู้สึกได้ว่า สหายท่านนี้มีความมุ่งมั่นและเหมือนพูดออกมาจากการใคร่ครวญที่รอบคอบแล้ว ทำให้ความรู้สึกด้านลบที่ตกค้างในใจฉันค่อยๆ คลี่คลายสลายตัวหมดไปๆ...
ประกอบกับการที่ได้พบบรรยากาศที่คึกคัก และพบว่าบรรดาผู้นำนักศึกษาและมวลชนระดับแถวหน้าๆ ของขบวนจากทุกสารทิศมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ค่ะ ซึ่งหลายคนต่อมาภายหลังก็ได้กลายเป็นนักการเมือง นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ นักการศึกษา อาจารย์ข้าราชการระดับสูง เป็นนักธุรกิจ นักเล่นหุ้น เป็นผู้รับเหมา และอีกหลายคนยังคงมีบทบาทเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในสังคมอยู่ในปัจจุบัน
ระหว่างนั้น พวกเค้ากำลังร่วมแรงกายแรงใจกันสร้างและขยายสำนักเพื่อเตรียมต้อนรับนักเรียนใหม่ๆ ที่ต่างกำลังเดินทางมุ่งหน้ามา คนหนุ่มสาวเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีพลังทั้งทางความคิดความสามารถอย่างมาก เพียงการเคลื่อนไหวทำโน่นนี่ของแต่ละคน ก็สามารถสร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาทั่วทั้งสำนักในขณะนั้นค่ะ
บางคนบางกลุ่มก็ไปตัดไม้แบกข้ามเขาข้ามห้วยมาแปรรูปใช้ในสำนัก บางคนเดินทางไปขนเสบียงข้าวสารอาหารแห้ง ซึ่งต้องเดินข้ามพรมแดนไปฝั่งลาว บางคนไปถึงปากแบ่ง พบเจอสิ่งใดที่จะสามารถช่วยสหายเรื่องอาหารการกินได้ก็ซื้อหาแบกหิ้วมาอย่างไม่ขาดสาย เช่นน้ำพริก น้ำปลา น้ำตาล แม้กระทั่งผงชูรส ฯลฯ แต่การไปเป้เสบียงจากสำนักฝั่งลาวนั้น สหายแต่ละคนจะมีภาระหน้าที่ผลัดกันลงไปเป้ขึ้นมาอยู่เป็นกิจวัตรอยู่แล้วค่ะ
นอกจากนั้น ในระหว่างการศึกษา ก็จะมีเซสชั่นหนึ่งถ้าจำไม่ผิด เพราะฉันชอบเซสชั่นนี้มาก คือการเดินทางไปหามวลชน ไปเยี่ยมเยียนไปคลุกคลีไปอยู่กับเขาเพื่อศึกษาเรียนรู้รูปแบบชีวิตความเป็นอยู่ของมวลชน ฉันจำได้ว่าตัวเองได้ไปเยี่ยมและพักค้างในบ้านของมวลชนชาวลั๊วะ มีลูกผู้ชายผิวคล้ำ เป่าใบไม้เป็นเสียงเพลงได้ ยิง (เป่า) ลูกดอกแม่นมากๆ บ้านมวลชนเหล่านี้ทุกบ้านมีเตาผิงไฟอยู่ในบ้าน ทำอาหารกินตรงนั้น นอนตรงนั้น บริเวณใต้ถุนก็จะเป็นที่อยู่ของสัตว์เลี้ยง (ถ้ามีนะคะ) ที่ยังจำได้แม่นก็คือ มวลชนชาวบ้านเขามักจะต้มข้าวโพดฝักเล็กๆ ที่เมล็ดงามเป่งเอาไว้ต้อนรับให้เราแทะเล่นระหว่างนั่งคุยกันรอบกองไฟด้วย พูดคุยกันสารพัดเรื่องจนผล็อยหลับกันไปบริเวณใกล้เตาไฟ ซึ่งก็ทำหน้าที่เป็นฮีทเตอร์ไปในตัว เพราะอากาศบนภูหนาวมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวปลายปีช่วงนั้นพอดีค่ะ... นี่เป็นฉากที่ชอบ ซึ้งและตรึงใจมากๆ เลยค่ะ
ในระหว่างการเดินทางไปตามหมู่บ้านของมวลชนครั้งหนึ่ง ร่วมกับสหายหญิงกลุ่มหนึ่งในช่วงขากลับ ฉันก็พบว่าตัวเองเกิดประจำเดือน (เรียกมันว่าประจำปี) เกิดมากะทันหัน! ทำไงดีฉันลืมมันไปเลย ฉันไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ผ้าอนามัยหรือผ้าอะไรก็ไม่มี... สหายหญิงจากในเมืองในกลุ่มทราบเหตุ ก็ได้แบ่งผ้าอนามัยที่เธอแบกมาจากในเมืองเมื่อหลายเดือนยังอยู่ในเป้ เธอล้วงจากเป้ยื่นให้ฉัน ...เอ้อ/ มันเป็นผ้าอนามัยแบบสอดซึ่งฉันไม่คุ้นเคย และแถมซองภายนอกฉีกขาดไปบ้างเนื่องจากแบกไปมาเป็นเวลานาน แต่ฉันก็รับมาด้วยความขอบคุณ มันเป็นเหตุฉุกเฉินทุลักทุเลไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้วค่ะ//
ระบบรอบเดือนของฉันคืนกลับมา... ฉันถือว่ามันเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับตัวเองค่ะ ว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจากนี้ต่อไป จวบจนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกคนเรียนจบหลักสูตร...
และถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายกันไปเพื่อปฏิบัติภารกิจของแต่ละคนแต่ละหมู่เหล่ากันต่อไป...รวมทั้งฉันด้วย///

No comments:

Post a Comment