Showing posts with label ดนตรี. Show all posts
Showing posts with label ดนตรี. Show all posts

Tuesday, February 28, 2012

ให้เด็กสัมผัสการดนตรีเป็นการขยายการรับรู้ของสมอง


สวัสดีค่ะ วันนี้มีโอกาสเข้ามาเขียนบล็อก ทักทายกับเพื่อนๆ อีกครั้งค่ะ หวังว่าทุกท่านจะสบายดีนะคะ
มีใครรู้สึกหรือมองเห็นว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่ง แปล็บๆ ปล๊าบๆ อยู่ในหัวของเรา หรือของคนอื่นๆ บ้างไหมคะ?
เราเคยเห็นภาพวาดขององค์ศาสดาทางศาสนาหลายศาสนา ที่มีวงแสงสว่างเรืองอยู่รอบๆ พระเศียร...
แสงแบบนั้นอาจจะส่องเรืองออกมาจริงๆ ก็ได้นะ
ทำไมหรือ?
#####
ก็บรรดานักประสาทวิทยา นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นคว้าเกี่ยวกับการทำงานของสมองคนเรา บอกว่า ในสมองของคนเรานั้น มีเส้นใยประสาทรับส่งข้อมูลติดต่อประสานกันไปมา โดยผ่านสารเคมีและประจุไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลาเลย
ดังนั้น หากใครใช้ความคิดมากๆ สมองก็ยิ่งทำงานหนัก น่าจะมีกระแสประจุไฟฟ้าและสารเคมีวิ่งไปมาอยู่มากมาย จนทำให้มีแสงเรืองออกมาก็เป็นได้...
หรือท่านว่ายังไงคะ?
#######
มีกรณีที่นิยมทำกันมาก เช่น การให้ลูกที่อยู่ในท้องได้ฟังเสียงเพลง และเสียงเล่านิทานของพ่อแม่...
ฉันว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งเลยค่ะโดยเฉพาะเมื่อลูกในครรภ์มีอายุย่างเข้าเดือนที่ 4-5 เป็นต้นไปค่ะเพราะว่า ในช่วงระยะนี้เอง อวัยวะที่เกี่ยวกับการได้ยินได้พัฒนาขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว
ดังนั้น ทารกจึงพร้อมที่จะรับฟังเสียงต่างๆ ที่เข้าสู่ระบบในลักษณะคลื่นที่มีรูปแบบต่างๆ และสมองก็จะสร้างเซลล์ประสาทขึ้นเพื่อตอบสนองต่อลักษณะของเสียงที่ผ่านเข้ามาและเก็บไว้เป็นข้อมูล
หรือเรียกว่าการสร้าง “แผนที่การได้ยิน” เอาไว้... วาวววว...
#######
ดังนั้น เมื่อเด็กเล็กๆ ได้ยินสำเนียงเสียงต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ยิ่งมากเท่าใด สมองก็จะสร้างเซลล์ประสาทขึ้นรองรับเสียงต่างๆ มากเท่านั้น และการได้ยินยังส่งผลให้เด็กขยับกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการออกเสียงนั้นๆ ไปโดยอัตโนมัติด้วย
อันนี้ก็มีการพิสูจน์แล้วค่ะ เมื่อเด็กคลอดออกมา เซลล์ประสาทส่วนนี้ของสมองก็มีไขสมองห่อหุ้มเรียบร้อยแล้วค่ะ และก็มีส่วนทำให้เด็กสามารถร้องออกเสียงอุแว๊ๆๆ ได้ไงคะ
ข้อมูลที่สมองเก็บไว้ในลักษณะของเซลล์ประสาทที่เชื่อมต่อกันนี้ เมื่อมีเสียงประเภทเดียวกัน หรือข้อมูลในกลุ่มเดียวกันเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ก็จะนำไปสู่การเรียนรู้ทางด้านภาษา และด้านอื่นๆ ของเด็กคนนั้นในเวลาต่อมาค่ะ
#######
มีข้อมูลที่น่าสนใจว่า ภาษาที่คนทั่วโลกพูดกันมีอยู่นับเป็นพันๆ นั้น ประกอบขึ้นจากเสียงที่เปล่งออกมาทั้งหมดเพียงประมาณ 50 เสียงเท่านั้นค่ะ!
ดังนั้น ความกลัวที่ว่า หากเด็กเติบโตในแหล่งที่มีคนพูดหลายๆ ภาษาจะทำให้เด็กสับสนนั้น จึงไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ในทางตรงกันข้าม น่าจะเป็นฐานที่ดีสำหรับการพัฒนาภาษาในอนาคตของเด็กคนนั้น เพราะสมองมีเซลล์ประสาทรองรับเสียงต่างๆ จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม การสร้างเซลล์ประสาทรับเสียงนี้ดูเหมือนจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงวัยอ่อนมากๆ เท่านั้นค่ะ
#########
อาจสรุปได้ไหมคะว่า...การให้เด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ (ประมาณ 4-5 เดือนเป็นต้นมา)ได้ยินได้ฟังเสียงที่หลากหลายที่เกิดขึ้นในโลกยิ่งมากยิ่งดี?
ฉันเห็นด้วยอย่างมากค่ะ ท่านล่ะเห็นด้วยไหมคะ?
และฉันเห็นว่าหนทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยขยายการรับรู้ทางสมองของเด็ก ก็คือการให้ฟังเสียงดนตรี....
ดนตรีประเภทใดก็ได้ค่ะ ฉันว่าได้ทุกชนิดเลย
และเมื่อเด็กเริ่มเรียนภาษา ก็เริ่มให้เล่นเครื่องดนตรีต่างๆ ที่เค้าชอบไปด้วย
#######
มีผลการศึกษาค้นคว้าจำนวนมากแล้วค่ะ โดยเฉพาะในสหรัฐ ที่ยืนยันว่า การให้เด็กได้ฝึกการดนตรีแต่เล็ก มีผลต่อพัฒนาการของสมองส่วนของการฟัง (Brain’s auditory cortex) อย่างมาก โดยเฉพาะการให้เด็กได้มีโอกาสฝึกเล่นเครื่องดนตรีที่ผสมกันเป็นวง เช่น ออร์เคสตรา หรือกระทั่งวงแบบร็อคก็ได้ พบว่า ผลของมันทำให้สมองส่วนนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้มีสมาธิและมีความจำดีขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างฐานสำหรับการเรียนรู้ด้านต่างๆ อย่างกว้างขวางสำหรับเด็ก
อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยบอกว่า หากเป็นการฟังเฉยๆ เช่นฟังดนตรีโมซาร์ท จะไม่ก่อให้เกิดผลเหมือนการฝึกเล่นเครื่องดนตรีโดยตรง
แต่ก็มีผลการศึกษาบางชิ้นบ่งชี้ว่า การฟังดนตรี (โดยไม่ได้ฝึกเล่นเครื่องดนตรี) อาจช่วยในเรื่องของสมาธิการทำข้อสอบที่อาศัยการท่องจำได้ดี อย่างน้อยก็ชั่วระยะสั้นๆ
#######
กล่าวได้เลยว่า ให้เด็กฝึกเล่นเครื่องดนตรี เป็นการสร้างฐานเพื่อการเรียนรู้ของสมองให้แก่เด็กที่ดีมากทางหนึ่งเลยทีเดียวนะคะ
######
โอ๊ะ! เที่ยวนี้เขียนยาวกว่าทุกครั้ง ต้องลาไปก่อนนะคะ
รักคนอ่านเสมอค่ะ