ขอกราบขอบพระคุณ “คุณลุงกุหลาบ”
ค่ะ
ฉันได้รับการต้อนรับจากสหายในสำนักอย่างอบอุ่น...
“ที่นี่มี 4
ฤดูในวันเดียวนะ สหายต้องเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝน กับเสื้อกันหนาวหนาๆ ไว้ตลอด”
สหายคนหนึ่งบอกถึงลักษณะพิเศษที่น่าทึ่งของเมืองคุนหมิง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ
1,800 เมตร “ออกซิเจนก็ค่อนข้างเบาบาง ต้องสูดหายใจลึกๆ
พวกนักกีฬาที่มาจากพื้นราบมาแข่งขันที่นี่น๊อคมาเยอะแล้ว” สหายอีกคนหนึ่งเล่า และมีสิ่งที่สหายเกือบทุกคนที่นี่ต้องการอย่างมากก็คือ
การได้รับฟังเรื่องราวจากแนวหน้า โดยเฉพาะที่ภาคใต้ค่ะ ฉันก็เล่าให้สหายฟังตามที่ตนเองเห็นและได้ผ่านมาค่ะ
ดูท่าทางสหายทุกคนมีความกระตือรือร้นที่ได้รับฟังเรื่องราวจากแนวหน้าค่ะ...
เหตุการณ์ตอนไปถึงใหม่ๆ
ที่จำได้แม่นคือ ทุกคนที่นี่ต้องมีของประจำตัวสองอย่างที่ขาดเสียมิได้นั่นคือ “กาละมังแช่เท้ากับกระติกน้ำร้อน”
เพื่อทำพิธีกรรมก่อนเข้านอนในเตียงที่มีผ้านวมหนานุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีฤดูกาลที่ไม่แน่นอน
ทุกห้องจึงไม่มีเครื่องทำความอุ่น ในวันที่อากาศหนาวมาก ทุกคนใช้กระติกน้ำร้อนซุกไว้ใต้ที่นอน
และก่อนนอนก็เอาเท้าแช่น้ำอุ่น ส่วนหนึ่งก็เป็นการทำความสะอาดเท้า
และสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายตามธรรมชาติด้วยค่ะ (นึกถึงซีรี่เกาหลี
ฉากที่พระเอกล้างเท้าให้นางเอกไหมคะ? แต่..อันนี้นางเอกแช่เท้าล้างและนวดเท้าเองอย่างเอาจริงเอาจังค่ะฉากนี้)
“ห้องพักนี้เดิมเป็นห้องที่พักของคุณลุงกุหลาบ”
สหายพจน์ (ชื่อจัดตั้งของสามีค่ะ) เริ่มเล่าแบคกราวน์ดาต้าให้ฉันฟังไปเรื่อยๆ
ฉันตื่นเต้นมาก “กุหลาบ สายประดิษฐ์ เจ้าของนามปากกา ศรีบูรพา ของนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ
น่ะเหรอ?”
โอ... เราได้อยู่ในห้องที่เคยเป็นที่พำนักของนักคิดนักเขียนที่โดดเด่นมากของเมืองไทยเลยหรือนี่?
รู้สึกตื้นตัน...
ตื่นเต้น... เป็นปลื้ม...
สหายพจน์เล่าว่า
คุณลุงพักอยู่ที่นี่หลายปี และเพิ่งเสียไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี่เอง (คุณลุงกุหลาบถึงแก่มรณกรรมเมื่อปี พ.ศ. 2517 ค่ะ) และสหายเจ้าสำนักที่นี่เพิ่งเปิดห้องนี้ให้เรามาพักอยู่
“รู้สึกจะเป็นห้องเดียวที่มีห้องน้ำที่เป็นโถชักโครกแบบตะวันตก” โอ... ช่างเป็นบุญที่เคยสร้างมาแต่ปางใด...
มีห้องเก็บของเล็กๆ ฉันสังเกตเห็นสหายพจน์แอบสะสมพวกสาหร่ายที่เป็นแผ่นๆ
รวมทั้งเส้นบะหมี่ซองๆ เอาไว้จำนวนหนึ่งด้วย “กลัวขาดไอโอดีน” สหายบอก
เอามาต้มกินเป็นครั้งคราวโดยมีเตาไฟฟ้าเล็กๆ อยู่ในห้องด้วย ...เลิศ!
คืนแรกที่สำนักนี้ฉันหลับสนิทเป็นตายไปกี่ชั่วโมงไม่ได้นับ
แต่เมื่อฉันตื่นขึ้นลงจากเตียงมองไปข้างนอกจากหน้าต่างกระจก บรรยากาศเช้ามืดภายในสำนักยังเงียบสงัด
แต่... แต่ฉันมองเห็นอะไรแปลกๆ เป็นสีขาวโพลนทั่วไปหมด... หิมะนั่นเองค่ะ
หิมะตกในคืนแรกที่ฉันมาถึง! ฉันตื่นเต้นมาก...
เพราะก็เพิ่งเห็นหิมะจริงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่นี่แหละค่ะหิมะแอบตกในคืนที่ฉันเพิ่งมาถึง! เชื่อแล้วที่ว่าวันๆ หนึ่งมีหลายฤดู (ยิ่งอยู่ไปก็ยิ่งพบว่ามันเป็นเช่นนั้นค่ะ)
หลังจากนั้นสหายทั้งสำนักก็ตื่นเต้นกับหิมะที่เพิ่งตกครั้งแรกในรอบหลายๆ ปีเลยทีเดียว
สหายพาฉันไปซื้อรองเท้าสำหรับใส่กันหิมะกัด โดยแนะนำให้ซื้อบู๊ทหุ้มข้อหนังกลับสีน้ำตาลเข้ม
มันก็ได้เป็นรองเท้าคู่เก่งตลอดช่วงที่แนวหลังนี้ค่ะ...
จากนั้นไม่นานนักนะคะ
ฉันก็ได้เข้าทำงานในแผนกงานเขียนรายงานข่าวต่างประเทศของ สปท. โดยดูเหมือนฉันจะเป็นคนเดียวในแผนกนี้ที่ใช้แหล่งข่าวเป็นภาษาอังกฤษ
ขณะที่สหายคนอื่นๆ สามารถฟัง อ่าน พูดและอาจรวมทั้งเขียนภาษาจีนได้
ฉันดีใจที่ได้มาทำงานที่ตนเองถนัด
และที่นี่รับหนังสือเอกสารรวมทั้งแมกกาซีนข่าวที่เป็นภาษาอังกฤษอยู่ไม่น้อย เช่นมีทั้ง
ไทมส์, นิวส์วีค, ฟาร์อิสเทิร์นอิโคโนมิกส์รีวิว, ยูเอสนิวส์แอนด์เวิร์ลรีพอร์ต,
ปักกิ่งรีวิว, ซินหัวนิวส์ เป็นต้น รวมทั้งมีเครื่องรับวิทยุคลื่นสั้นที่มีกำลังสูงสามารถรับสัญญาณได้อย่างชัดเจนกว่าตอนที่อยู่ในป่าที่ภาคใต้
ฉันได้พัฒนาความเร็วในการจดข่าวที่รับฟังจากวิทยุขึ้นมาชุดหนึ่ง
(เป็นพวกสัญลักษณ์และตัวย่อต่างๆ) จนสามารถจดรายละเอียดของข่าวที่รับฟังจากวิทยุได้เกือบครบถ้วน
จึงสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งข่าวได้อีกส่วนหนึ่งด้วย
ได้รับทราบจากสหายว่า
บรรดาหนังสือนิตยสารภาษาอังกฤษที่มีอยู่ในสำนักนี้นั้น มีมาตั้งแต่ครั้งที่คุณลุงกุหลาบซึ่งพำนักอยู่ที่นี่
เป็นผู้อ่านหนังสือเหล่านี้ ต่อมาภายหลังฉันยังได้พบนิตยสารฉบับเก่าๆ
ย้อนหลังไปหลายปีเก็บอยู่เป็นห้อง ทั้งหมดเลยกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของฉันเลยค่ะ ถ้าฉันหายไป
หาตัวได้ที่ห้องนี้เลยค่ะ ห้องหนังสือเก่าๆ ของคุณลุงกุหลาบนี่เองค่ะ
ฉันรู้สึกขอบคุณคุณลุงกุหลาบอย่างหาที่สุดมิได้
ที่ทิ้งมรดกอันล้ำค่าเหล่านั้นไว้... ให้ฉันได้ใช้ประโยชน์ระหว่างที่พำนักและปฏิบัติงานอยู่
ณ สำนักแนวหลังแห่งนี้
ขอกราบขอบคุณท่านอย่างหาที่สุดมิได้ค่ะ///