การเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง...สู่การจากลาอย่างอารยะ
ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตค่ะ |
ที่น่าสังเกตคือมีสหายบางคนรู้สึกว่า
พรรคและจัดตั้งเป็นเหมือน “พ่อแม่” ที่คอยอบรมชี้นำสั่งสอนเอาเรื่องสำคัญๆ มาบอก
มาคอยดูแลทุกข์สุขคอยช่วยเหลือเมื่อพบเจอปัญหา ฯลฯ
ต้องขอโทษไว้
ณ ที่นี้ด้วยนะคะหากใครอ่านข้อความข้างต้นแล้วไม่เข้าใจ หรือคลุมเครือ... !
........
ที่พยายามพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเนื่องจาก
ในช่วงเวลาค่อนไปทางปลายปี 1978 หรือ พ.ศ. 2521
เห็นจะได้นะคะ สหายอาวุโสในสำนักที่ฉันล้วนเคารพนับถือ
ได้เมตตาให้ฉันเข้าโครงการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับพรรค จัดตั้ง และลัทธิมาร์กซ์-เลนิน-ความคิดเหมาเจ๋อตง
ซึ่งฉันเข้าใจว่า เพื่อให้ฉันได้ผ่านกระบวนการตามขั้นตอนของผู้ที่จะเข้าสู่การจัดตั้งของพรรค
อะไรทำนองนี้นะคะ โปรแกรมและกระบวนการดังกล่าวดูเหมือนจะมีทั้งหมด 3 ครั้ง ศึกษาเสร็จแล้วก็เขียนรายงานความเข้าใจ
และdefend ความเข้าใจของตนเองกับ
“จัดตั้ง” คล้ายๆ แบบนี้นะคะ /
ด้วยความเคารพ...
เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นมานานเกือบ 40 ปีแล้ว ฉันจะขอเขียนในเชิงการรำลึกถึงเหตุการณ์จากมุมมองของตนเองเป็นหลักนะคะ
เพราะในระหว่างนั้นหากได้มีการพิจารณาเอกสารรายงานผลการศึกษาของฉันในหมู่สหายในกลุ่มจัดตั้งชั้นบนกันอย่างไรนั้น
ฉันก็ไม่ได้มีโอกาสรับรู้จนถึงทุกวันนี้ เพราะเป็นเรื่องปิดลับ...
แต่... แต่สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือ... กระบวนการที่ฉันต้องศึกษาทบทวนเรื่องต่างๆ
นี้เอง กลับทำให้ตัวฉันเองได้ค้นพบและได้มีโอกาสทำความกระจ่างในหลายๆ
เรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดมาก่อนค่ะ... บอกได้เลยว่าจนถึงวันนี้ ยังรู้สึกขอบคุณสหายอาวุโสที่ได้เปิดโอกาสให้ฉันได้ผ่านกระบวนการดังกล่าวในครั้งนั้นเป็นอย่างสูงค่ะ
ครั้งนั้น ฉันทำงานไปด้วยและก็ศึกษาค้นคว้าทบทวนประเด็นเรื่องราวต่างๆ
ไปด้วยอย่างหามรุ่งหามค่ำตลอดช่วงเวลาหลายเดือน คิดว่าถึงราวๆ ปลายปี 1978 หากจำไม่ผิด
ฉันก็ได้เข้าสู่กระบวนการศึกษาครั้งที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ (บางคนได้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ)
ฉันก็ได้ตัดสินใจเขียน “พิจารณาตัวเอง”
ลงไปในรายงานที่จะเสนอต่อจัดตั้งด้วยความเคารพและจริงใจอย่างถึงที่สุดว่า
...ฉันคงไม่สามารถเข้าสู่การจัดตั้งของพรรคได้ เพราะฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางสำคัญๆ
ของพรรคหลายเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับจุดยืนท่าทีของพรรคในความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียต
แต่ฉันก็เข้าใจถึงความจำเป็นของพรรคและเคารพต่อการตัดสินใจเลือกของพรรค...
ขอบคุณภาพจากเน็ตค่ะ |
และก็เป็นความบังเอิญที่เรื่องของฉันมาประจวบกับช่วงเกิดปัญหาใหญ่
ที่ความขัดแย้งระหว่างประเทศคอมมิวนิสต์ใหญ่ดำเนินไปถึงจุดระเบิดเกิดการใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างละเลงเลือดในช่วงต้นปี
1979 และหลังจากการประกาศปิดสถานีวิทยุ
สปท. ไม่นาน สหายพจน์ก็ได้ตัดสินใจขอเดินทางออกจากประเทศจีน ซึ่งมีกระบวนการยาวนานประมาณ
2 ปี กว่าจะได้เดินทางออกจากสำนักจริงๆ
ซึ่งระหว่างนั้นได้มีเพื่อนและน้องๆ เข้ามาร่วมเป็นกลุ่มทั้งหมด 6 คน
ในช่วง 2 ปี ระหว่างการรอเดินทางออกนั้น
ทางสำนักก็ได้จัดให้เรามีพื้นที่ของตนเองเฉพาะกลุ่ม และไม่มีกิจกรรมร่วมกับสหายอื่นๆ
ดังที่เคยปฏิบัติ ขณะเดียวกันยังได้มีการจัดประชุมพิเศษระหว่างกลุ่มเรากับสหายนำระดับสูงๆ
ที่อยู่ในประเทศจีนช่วงนั้นหลายคน และหลายครั้ง
เพื่อการสนทนาแลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
เป็นภาพประทับใจที่ฉันยังจำติดตาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
เพราะนั่นมันคือการจากลากันอย่างอารยะ...
เป็นการเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างอารยชนพึงกระทำค่ะ/
นั่นคือท่าทีและการปฏิบัติที่มีอานุภาพ
หนุนนำให้เราเหลือพื้นที่ในใจที่จะจดจำสิ่งดีๆ ไว้ได้อย่างแม่นยำ...แม้เวลาล่วงเลยตราบนานเท่านาน...และด้วยจิตคารวะอย่างจริงใจค่ะ///
ข้อเขียน ...อันเนื่องมาจาก
“กรณี 6 ตุลา”
...รำลึกชีวิตที่รอนแรมในกระบวนการต่อสู้... ก็จบบริบูรณ์เพียงเท่านี้